108 ประโยคพูดภาษาอังกฤษกับลูกในชีวิตประจำวัน

ปัจจุบันพ่อแม่หลายท่านอยากให้ลูกพูดภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่เล็กๆ เราจึงเห็นเด็กๆหลายคนพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว จนบางครั้งเก่งเกินวัย ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเริ่มจากพ่อแม่เป็นคนสอนเอง สำหรับการเรียนภาษา ถ้าหมั่นพูดภาษาอังกฤษกับลูกบ่อยๆ จะทำให้ลูกมีพัฒนาการ ทักษะที่ดีขึ้น ก่อนจะฝึกพูดกับลูกน้อย ตัวเราก็ต้องฝึกทักษะภาษาไปพร้อมที่จะสอนลูกได้อีกด้วย ถ้าหากไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ดังนั้นเราจึงได้รวบรวม ประโยคภาษาอังกฤษคุยกับลูก ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ตื่นนอนไปจนถึงเข้านอน มาให้คุณพ่อคุณแม่ไว้สอนลูกน้อยกัน

108 ประโยคพูดภาษาอังกฤษกับลูกในชีวิตประจำวัน

108 ประโยคพูดภาษาอังกฤษกับลูกในชีวิตประจำวัน


1. Time to get up.
ไทมฺ ทู เก็ท อัพ
ได้เวลาตื่นนอนแล้วนะ

2. Time to rise and shine.
ไทมฺ ทู ไรซฺ แอนดฺ ไชนฺ
ลุกขึ้น

3. Fold the blanket neatly.
โฟลดฺ เดอะ แบลงเคท นีทลี
พับผ้าห่มให้เรียบร้อย

4. Tuck in the sheet tightly.
ทัค อิน เดอะ ชีท ไททฺลี
ดึงผ้าปูที่นอนให้ตึง

5. Turn off the air conditioner.
เทิรฺน ออฟ ดิ แอรฺ คอนดิชันเนอรฺ
ปิดแอร์ด้วยนะ

6. Have you turned off the air conditioner yet?
แฮฟ ยู เทิรฺด ออฟ ดิ แอรฺ คอนดิชันเนอรฺ เย็ท?
ปิดแอร์หรือยัง

7. Take a shower.
เทค อะ ชาวเวอรฺ
ไปอาบน้ำ

8. Take off your shirt.
เทค ออฟ ยัวรฺ เชิรฺท
ถอดเสื้อออก

9. Squeeze some toothpaste onto the toothbrush.
สควีซ ซัม ทูธเพสทฺ ออนทู เดอะ ทูธบรัช
บีบยาสีฟันใส่แปรง

10. Rinse your mouth with a lot of water.
รินสฺ ยัวรฺ เมาธฺ วิธ อะ ลอท ออฟ วอเทอรฺ
บ้วนปากด้วยน้ำเยอะๆ

11. Scrub the soap all over your body.
สครับ เดอะ โซพ ออล โอเวอรฺ ยัวรฺ บอดี้
ถูสบู่ให้ทั่ว

12. Don’t get shampoo in your eyes.
โดนทฺ เก็ท แชมพู อิน ยัวรฺ อายสฺ
ระวังยาสระผมเข้าตา

13. Flush the toilet after you pee.
ฟลัส เดอะ ทอยเลท อาฟเทอรฺ ยู พี
ฉี่แล้วกดชักโครกด้วยนะ

14. Flush the toilet here.
ฟลัช เดอะ ทอยเลท เฮียรฺ
กดชักโครกตรงนี้

15. Wash your hands.
วอช ยัวรฺ แฮนดฺส
ล้างมือให้สะอาด

16. Turn off the tap.
เทิรฺ ออฟ เดอะ แทพ
ปิดก๊อกน้ำด้วย

17. Dry yourself with a towel.
ดราย ยัวรฺเซลฟฺ วิธ อะ ทาวเอิล
ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดตัวให้แห้ง

18. Apply (the) talcum powder.
แอพพลาย (เดอะ) แทลคัม พาวเดอรฺ
ประแป้ง

19. Comb your hair.
โคมบฺ ยัวรฺ แฮรฺ
หวีผม

20. Button every button.
บัทเทิน เอฟวรี บัทเทิน
ติดกระดุมให้ครบทุกเม็ด

21. Don’t forget to zip it up.
โดนทฺ ฟอรฺเก็ท ทู ซิพ อิท อัพ
อย่าลืมรูดซิป

22. Tuck your shirt in / inside your trousers / pants.
ทัค ยัวรฺ เชิรฺท อิน / อินไซดฺ ยัวรฺ เทราเซอรฺส / แพนทฺส
เอาเสื้อใส่ในกางเกงให้เรียบร้อย

23. Put your socks on.
พุท ยัวรฺ ซอคสฺ ออน
ใส่ถุงเท้า

24. Wear your shoes.
แวรฺ ยัวรฺ ชูสฺ
สวมรองเท้า

25. Tie your shoes.
ไท ยัวรฺ ชูสฺ
ผูกเชือกรองเท้าสิ

26. What do you want to eat today?
วอท ดู ยู วอนทฺ ทูอีท ทูเดย์?
วันนี้อยากกินอะไร

27. How much rice do you want?
ฮาว มัช ไรซฺ ดู ยู วอนทฺ?
เอาข้าวกี่ทัพพี

28. Eat slowly. The food can get stuck in your throat.
อีท สโลวฺลี เดอะ ฟู้ด แคน เก็ท สตัค อิน ยัวรฺ โธรท
ค่อยๆ กิน ระวังติดคอ

29. Be careful. It’s hot.
บี แครฺฟูล. อิทสฺ ฮอท
ระวังร้อน

30. Eat a lot of vegetables. You will be all the healthier for it.
อีท อะ ลอท ออฟ เวจทะเบิลสฺ. ยู วิล บี ออล เดอะ เฮลธิเออรฺ ฟอรฺ อิท
กินผักเยอะๆ จะได้แข็งแรง

31. Do you want some more?
ดู ยู วอนทฺ ซัม มอรฺ?
เอาเพิ่มอีกไหม

32. Eat quickly. The ice cream is melting.
อีท ควิคลี. ดิ ไอซฺ ครีม อิส เมลทิง
รีบกินสิ เดี๋ยวไอติมละลาย

33. Is it sweet?
อิส อิท สวีท?
หวานไหม

34. Help me clear the table, please.
เฮลพฺ มี เคลียรฺ เดอะ เทเบิล, พลีส
ช่วยแม่เก็บโต๊ะหน่อย

35. Put the plates in the sink, please.
พุท เดอะ เพลทสฺ อิน เดอะ ซิงคฺ, พลีส
เอาจานไปวางไว้ที่อ่างล้างจาน

36. Put the food scraps in the trash can.
พุท เดอะ ฟู้ด สแครพสฺ อิน เดอะ แทรช แคน
เอาเศษอาหารไปทิ้งที่ถังขยะ

37. Get in the car.
เก็ท อิน เดอะ คารฺ
ขึ้นรถสิ

38. Close the door.
โคลส เดอะ ดอรฺ
ปิดประตูรถ

39. Don’t forget to fasten the seat belt.
โดนทฺ ฟอรฺเก็ท ทู ฟาสซึน เดอะ ซีท เบลทฺ
อย่าลืมคาดเข็มขัด

40. Sit properly. Don’t be naughty.
ซิท พรอพเพอรฺลี. โดนทฺ บี นอที
นั่งดีๆ อย่าซน

41. Is it too cold?
อิส อิท ทู โคลดฺ?
แอร์เย็นไปไหม

42. Is it still far?
อิส อิท สติล ฟารฺ
อีกไกลไหม

43. No. we’re getting closer.
โน. เวียรฺ เก็ททิง โคลสเซอรฺ
ไม่ไกล ใกล้ถึงแล้ว

44. It’ll still be an hour before we get there.
อิทเทิล สติล บี แอน อาวเออรฺ บีฟอรฺ วี เก็ท แดรฺ
อีกประมาณ 1 ชั่วโมงจะถึง

45. Don’t get off the car.
โดนทฺ เก็ท ออฟ เดอะ คารฺ
อย่าเพิ่งลงจากรถ

46. You can get out of the car now.
ยู แคน เก็ท เอาทฺ ออฟ เดอะ คารฺ นาว
ลงรถได้แล้ว

47. I will pick you up in the evening.
ไอ วิล พิค ยู อัพ อิน ดิ อีฟวนิง
เดี๋ยวแม่มารับตอนเย็น

48. Don’t go with anyone you don’t know.
โดนทฺ โก วิธ เอนนีวัน ยู โดนทฺ โนวฺ
ห้ามไปกับคนแปลกหน้านะ

49. Hold on to the railing.
โฮลดฺ ออน ทู เดอะ เรลลิง
จับราวให้ดี

50. Let the boat dock before you get in.
เล็ท เดอะ โบท ด็อค บีฟอรฺ ยู เก็ท อิน
ให้เรือเทียบท่าก่อนแล้วค่อยขึ้น

61. The boat is swaying.
เดอะ โบท อิส สเวยฺอิง
เรือโคลงเคลงจัง

62. Do you feel dizzy?
ดู ยู ฟีล ดิซซี่
มึนหัวหรือเปล่า

63. You are getting / becoming seasick.
ยู อารฺ เก็ททิง / บีคัมมิง ซีซิค
หนูกำลังเมาเรือ

64. I feel like I’m going to vomit.
ไอ ฟีล ไลคฺ ไอมฺ โกอิง ทู วอมิท
หนูอยากอ้วก

65. It will be just a moment.
อิท วิล บี จัสทฺ อะ โมเมินทฺ
อีกแป๊ปเดียว

66. The train is coming.
เดอะ เทรน อิส คัมมิง
รถไฟมาแล้ว

67. Don’t lean on the door.
โดนทฺ ลีน ออน เดอะ ดอรฺ
อย่ายืนพิงประตู

68. The door is closing. Be careful.
เดอะ ดอรฺ อิส โคลสซิง. บี แครฺฟูล
ระวังประตูหนีบ

69. The plane is going to take off.
เดอะ เพลน อิส โกอิง ทู เทค ออฟ
เครื่องบินกำลังจะขึ้นแล้ว

70. Do you have ringing in your ears?
ดู ยู แฮฟ ริงงิง อิน ยัวรฺ เอียรฺส?
หูอื้อไหม

71. Are we arriving?
อารฺ วี อะไรฟฺวิง?
ใกล้ถึงหรือยัง

72. How long will it take?
ฮาว ลอง วิล อิท เทค?
อีกนานแค่ไหน

73. It’s still far.
อิทสฺ สติล ฟารฺ
ยังอีกไกล

74. Can you hold me, please?
แคน ยู โฮลดฺ มี พลีส?
อุ้มหนูหน่อย

75. We can stop a minute.
วี แคน สตอพ อะ มินิท
พักหน่อยก็ได้

76. You are growing up, so you should be able to walk on your own.
ยู อารฺ โกรวิง อัพ, โซ ยู ชูด บี เอเบิล ทู วอลฺค ออน ยัวรฺ โอน
หนูโตแล้ว ต้องเดินเองจ้ะ

77. Say “hello” to your teacher.
เซยฺ “เฮลโล” ทู ยัวรฺ ทีชเชอรฺ
สวัสดีคุณครูสิลูก

78. Make a nice sawasdee.
เมค อะ ไนซฺ สวัสดี
สวัสดีสวยๆ

79. Did you prepare your lesson plan?
ดิด ยู พรีแพรฺ ยัวรฺ เลสเซิน แพลน?
จัดตารางเรียนแล้วใช่ไหม

80. The teacher took me to task today.
เดอะ ทีชเชอรฺ ทุค มี ทู แทสคฺ ทูเดยฺ
วันนี้โดนครูว่า

81. What did you do?
วอท ดิด ยู ดู?
ไปทำอะไรมาล่ะ

82. So, did the teacher give you a smack?
โซ, ดิด เดอะ ทีชเชอรฺ กิฟวฺ ยู อะ สแมค?
โดนครูตีไหม

83. Don’t do it again.
โดนทฺ ดู อิท อะเกน
วันหลังอย่าทำอีก

84. What did your teacher teach today?
วอท ดิด ยัวรฺ ทีชเชอรฺ ทีช ทูเดยฺ?
วันนี้ครูสอนอะไร

85. What did you play with your friends today?
วอท ดิด ยู เพลยฺ วิธ ยัวรฺ เฟรนดฺส ทูเดยฺ?
วันนี้เล่นอะไรกับเพื่อนๆ

86. What’s your homework?
วอทสฺ ยัวรฺ โฮมเวิรฺค?
มีการบ้านอะไรบ้าง

87. Did you do your homework?
ดิด ยู ดู ยัวรฺ โฮมเวิรฺค?
ทำการบ้านแล้วหรือยัง

88. Have you finished your homework yet?
แฮฟ ยู ฟินิชทฺ ยัวรฺ โฮมเวิรฺค เย็ท?
ทำการบ้านเสร็จหรือยัง

89. You can play after you finish your homework.
ยู แคน เพลยฺ อาฟเทอรฺ ยู ฟินิช ยัวรฺ โฮมเวิรฺค
ทำการบ้านเสร็จแล้วถึงไปเล่นได้

90. You will have to do your homework first.
ยู วิล แฮฟ ทู ดู ยัวรฺ โฮมเวิรฺค เฟิรฺสทฺ
ทำการบ้านให้เสร็จก่อน

91. Is your homework difficult?
อิส ยัวรฺ โฮมเวรฺค ดิฟฟิคัลทฺ?
การบ้านยากไหม

92. I have a lot of homework.
ไอ แฮฟ อะ ลอท ออฟ โฮมเวิรฺค
การบ้านเยอะมาก

93. What part of it can’t you do?
วอท พารฺท ออฟ อิท แคนทฺ ยู ดู?
ข้อไหนทำไม่ได้

94. I can do it all.
ไอ แคน ดู อิท ออล
ทำได้หมดทุกข้อ

95. When is the exam?
เวน อิส ดิ เอ็กแซม?
สอบวันไหน

96. When is reading day?
เวน อิส รีดดิง เดย์?
วันไหนได้หยุดอ่านหนังสือบ้าง

97. Have you studied hard for the exam?
แฮฟ ยู สตัดดิด ฮารฺด ฟอรฺ ดิ เอ็กแซม?
เตรียมตัวดูหนังสือแล้วหรือยัง

98. Yes, put I haven’t finished yet.
เยส, บัท ไอ แฮฟวึนทฺ ฟินิชทฺ เย็ท
อ่านแล้ว แต่ยังไม่จบ

99. What are you reading?
วอท อารฺ ยู รีดดิง?
อ่านหนังสืออะไรอยู่

100. Can you do the exam today?
แคน ยู ดู ดิ เอ็กแซม ทูเดยฺ?
วันนี้ทำข้อสอบได้หรือเปล่า

101. Time to go home.
ไทมฺ ทู โก โฮม
ได้เวลากลับบ้านแล้ว

102. Did you leave something in your classroom?
ดิด ยู ลีฟ ซัมธิง อิน ยัวรฺ คลาสรูม?
ลืมของไว้ที่ห้องเรียนหรือเปล่า

103. I’m sleepy.
ไอมฺ สลีพพี
หนูง่วงแล้ว

104. Let me help you get to bed.
เล็ท มี เฮลพฺ ยู เก็ท ทู เบด
เดี๋ยวแม่จะพาไปนอน

105. Can you tell me a story?
แคน ยู เทล มี อะ สตอรี?
เล่านิทานให้หนูฟังหน่อย

106. I’m going to tell you a story.
ไอมฺ โกอิง ทู เทล ยู อะ สตอรี
แม่จะเล่านิทานให้ฟัง

107. Are you asleep yet?
อารฺ ยู อะสลีพ เย็ท?
หลับหรือยัง

108. Can you sing me to sleepy?
แคน ยู ซิง มี ทู สลีพ?
ร้องเพลงกล่อมหนูหน่อย
Engenjoy

แหล่งเรียนรู้ บทสนทนาภาษาอังกฤษและคำศัพท์ภาษาอังกฤษ พร้อมคำอ่าน คำแปล
facebook twitter instagram pinterest external-link

Post a Comment (0)
Previous Post Next Post