ประโยคฮิตๆกันเกี่ยวกับการซื้อของ เวลาเราไปซื้อของตามห้างสรรพสินค้า อย่างเช่น ร้านนี้ขายอะไร การถามหาของที่เราต้องการ ถามราคา หากเป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายถามหาไซส์ที่ใส่ได้ หรือถามลดราคา และอื่นๆ เรามาดูประโยคภาษาอังกฤษเกี่ยวกับการซื้อของที่มักพบบ่อยที่สุดกันเถอะ
18 ประโยคเกี่ยวกับการซื้อของภาษาอังกฤษ
1. Do you have ….? (ดู ยู แฮฟว...) : คุณมี........ขายไหม?
เมื่อเราเข้าไปในร้านประเภทขายสินค้าที่เราต้องการแล้ว มักจะใช้ประโยคนี้ “Do you have + สินค้าที่เราอยากซื้อ?” ในการถามสิ่งที่ตามหาอยู่
2. Do you sell…. Here? (ดู ยู เซล .... เฮีย) : คุณขาย ..... หรือเปล่า?
แต่ถ้าเราต้องการถามร้านนี้ว่าขายสินค้าที่เราต้องการหรือเปล่า มักใช้ “Do you sell + สินค้าที่เราต้องการ + here?”
3. Can I try it on? (แคน ไอ ไทร อิท ออน) : ฉันขอลองได้ไหม?
ประโยคนี้มักใช้สำหรับซื้อสินค้าที่ต้องลองสวมใส่ อย่างเช่น เสื้อผ้า รองเท้า หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องลองก่อนตัดสินใจซื้อ
4. Can I see ….? (แคน ไอ ซี....) : ฉันขอดู..... หน่อยได้ไหม?
ถ้าเราจ้องสินค้าตัวนั้นอยู่ อยากขอดู มักใช้ประโยค “Can I see + สินค้าที่ต้องการขอดู?”
5. Do you have this in a ….. size? (ดู ยู แฮฟว ธิส อิน อะ ..... ไซส) : มีไซส์.... ไหม?
มักใช้ประโยคนี้ถามหาไซส์ขนาดที่เราต้องการ ตัวอย่าง “Do you have this in a bigger /smaller size? (มีไซส์ ใหญ่ /เล็ก กว่านี้ไหม)”
6. Do you have this in....? (ดู ยู แฮฟว ธิส อิน .... ?) : มีสี ....ไหม?
หากยังไม่ใช่สีที่ถูกใจ เราก็ต้องถามคนขายด้วยประโยค Do you have this in + สีที่ต้องการ? คำศัพท์ภาษาอังกฤษ Colors (สีต่างๆ)
7. How much does it cost? (ฮาว มัช ดัช อิท คอสท) : ราคาเท่าไหร่ครับ
เมื่อเราพอใจกับสินค้าตัวนั้นแล้ว ก็จะถามราคาของด้วยประโยคนี้ แต่ถ้าหากเราซื้อของจำนวนหลายชิ้นจะใช้ประโยค How much do they cost? แทน
8. Can you give me a discount? (แคน ยู กิฟว มี อะ ดิสเคาท) : ลดราคาอีกหน่อยได้ไหมครับ
บอกเลยประโยคนี้อาจใช้ไม่ได้ทุกที่ แต่การต่อราคาเป็นเรื่องปกติที่เรามักจะถามกัน ถ้าป้าย Sale อยู่แล้วก็ถามลดไม่ได้นะจ๊ะ
9. It’s too pricey. (อิทซ ทู ไพรซี) : แพงเกินไปอ่ะ
เมื่อสินค้าที่เราอยากได้ราคาแพงกว่าที่เราคิดไว้ ซึ่งเรามองว่าสินค้าแพงไปจริงๆ
10. Do you have another one? (ดู ยู แฮฟว อะนัทเธอร วัน) : มีตัวอื่นไหมครับ
มักจะพูดประโยคนี้หากเราเจอหมวดสินค้าที่เราชอบแต่อยากรู้ว่ามีตัวอื่นไหม นอกเหนือจากนี้
11. I’ll take it. (ไอล เทค อิท) : เอาครับ
เมื่อต่อราคาไม่ได้ แต่ใจเรียกร้องอยากได้ ก็ต้องเอาสิครับ
12. Do you accept….? (ดู ยู แอคเซพท....?) : คุณรับเงินสกุล..... หรือเปล่าครับ
แน่นอนใครที่ไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ บางครั้งช้อปเพลินจนใช้สกุลเงินประเทศนั้นหมด อาจต้องใช้สกุลเงินประเทศตัวเองในการซื้อของ เรามักจะถามด้วยประโยคว่า เช่น Do you accept the Thai baht? (คุณรับเงินสกุลไทยบาทไหมครับ)
13. Are you still open at…. p.m.? (อาร ยู สติล โอเพิน แอท....พี.เอ็ม.) : ตอน..(เวลา)..ร้านยังเปิดอยู่ไหม?
หากเราอยากกลับมาที่ร้านเดิมอีก แต่ไม่แน่ใจช่วงเวลาที่ร้านปิด ก็มักใช้ประโยคนี้ถามต่อ เช่น Are you still open at 10 p.m.? (ตอนสี่ทุ่มร้านยังเปิดอยู่ไหมครับ?)
14. Do you accept credit cards? (ดู ยู แอคเซพท เครดิต คาร์ดซ) : รับบัตรเครดิตไหมครับ?
เมื่อเราไม่สะดวกใช้เงินสด ถ้าเรามีบัตรเครดิต อยากจ่ายด้วยบัตรเครดิตการ์ด ก็ต้องใช้ประโยคนี้
15. I would like to return this item. (ไอ วูด ไลค ทู รีเทิรน ธิส ไอเทม) : ผมอยากคืนของชิ้นนี้ครับ
หากซื้อไปแล้วแต่ใช้หรือสวมใส่ไม่พอดี เราก็อยากคืนสินค้าของสิ่งนั้น ทางร้านขายเขาอาจเปลี่ยนเป็นสินค้าใหม่ให้แทนในราคาที่เท่ากันก็ได้
16. Sorry. I’ve lost the receipt. (ซอรี ไอฟว ลอสท เธอะ รีซีท) : ขอโทษครับ ผมทำใบเสร็จหาย
มันจำเป็นจริงๆ ถ้ากรณีสินค้าที่มีปัญหาหรือต้องการนำไปเปลี่ยนที่ร้าน สิ่งที่พนักงานขายถามหาคือหลักฐานใบเสร็จ แต่เราทำหาย พนักงานอาจถามด้วยประโยค Do you have the receipt with you? (คุณเอาใบเสร็จมาด้วยไหมค่ะ) เราตอบตามความจริงว่า Sorry. I’ve lost the receipt. (ขอโทษครับ ผมทำใบเสร็จหาย)
17. Because it’s too…. (บิคอซ อิทส ทู.....) : เพราะมัน..... ไป
เมื่อคืนสินค้า พนักงานขายต้องถามแน่นอนว่าคืนเพราะอะไร กรณีเป็นสินค้าเสื้อผ้า เราใช้ประโยคนี้บ่อย “Because it’s too + ลักษณะที่มากเกินไป” เช่น Because it’s too small. (เพราะมันเล็กไป)
18. I’m just browsing. (ไอม จัสท บราวซิง) : ผมแค่เดินดูของเฉยๆ
แต่ถ้าเจอพนักงานเดินประกบพูดประโยคที่ว่า Do you need help? (ต้องการให้ช่วยอะไรไหมค่ะ) เราก็สามารถที่จะใช้ประโยคนี้บอกพนักงานว่าเราแค่มาเดินดูของเฉยๆ ยังไม่ตัดสินใจเลือกซื้ออะไร
ประโยคเกี่ยวกับการซื้อของยังไม่จบเพียงเท่านี้ เรายังมีบทสนทนาภาษาอังกฤษให้ศึกษาเพิ่มเติม ดังนี้